Table of Contents
หม้อแปลงไฟฟ้าเป็นส่วนประกอบสำคัญในระบบไฟฟ้า เนื่องจากช่วยปรับระดับแรงดันไฟฟ้าและรับประกันการส่งผ่านไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ หม้อแปลงไฟฟ้าที่ใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมมีสองประเภทหลัก: หม้อแปลงชนิดแห้งและหม้อแปลงแช่น้ำมัน แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกัน
หม้อแปลงชนิดแห้งตามชื่อที่แนะนำ ห้ามใช้น้ำมันเป็นตัวกลางในการทำความเย็น แต่ใช้อากาศเพื่อกระจายความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานแทน ทำให้เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับการติดตั้งภายในอาคาร เนื่องจากไม่มีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลของน้ำมันหรืออันตรายจากไฟไหม้ หม้อแปลงชนิดแห้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมัน ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้หากไม่กำจัดอย่างเหมาะสม
ประเภท
พิกัด\ กำลัง\ \(KVA\) | แรงดันไฟฟ้า\ รวมกัน\(KV\) | ออฟโหลด\ การสูญเสีย\(W\) | โหลด\ การสูญเสีย\(W\) | ออฟโหลด\ ปัจจุบัน\ \( เปอร์เซ็นต์ \) | ไฟฟ้าลัดวงจร\ แรงดันไฟฟ้า\ \( เปอร์เซ็นต์ \) | SC10-800 |
SC10-1000 | 800 | 33,35,38/6,6.3,6.6,10,11 | 2200 | 9400 | 1.1 | 6.0 |
แรงดันไฟฟ้า\ รวมกัน\(KV\) | 1000 | SC10-1250 | 2610 | 10800 | 1.1 | 6.0 |
SC10-1500 | 1250 | 6,6.3,6.6,10,11/0.4 | 3060 | 11900 | 1.0 | 6.0 |
แรงดันไฟฟ้า\ รวมกัน\(KV\) | 1500 | SC10-2000 | 3600 | 15400 | 1.0 | 6.0 |
SC10-2500 | 2000 | 6,6.3,6.6,10,11/0.4 | 4130 | 18200 | 0.9 | 7.0 |
แรงดันไฟฟ้า\ รวมกัน\(KV\) | 2500 | SC10-3150 | 4750 | 21800 | 0.9 | 7.0 |
SC10-4000 | 3150 | 6,6.3,6.6,10,11/0.4 | 5880 | 24500 | 0.8 | 8.0 |
แรงดันไฟฟ้า\ รวมกัน\(KV\) | 4000 | SC10-5000 | 6860 | 29400 | 0.8 | 8.0 |
SC10-6300 | 5000 | 6,6.3,6.6,10,11/0.4 | 8180 | 34960 | 0.7 | 8.0 |
แรงดันไฟฟ้า\ รวมกัน\(KV\) | 6300 | SC10-8000 | 9680 | 40800 | 0.7 | 8.0 |
SC10-10000 | 8000 | 6,6.3,6.6,10,11/0.4 | 11000 | 46060 | 0.6 | 9.0 |
แรงดันไฟฟ้า\ รวมกัน\(KV\) | 10000 | SC10-12500 | 12660 | 56500 | 0.6 | 9.0 |
SC10-16000 | 12500 | 6,6.3,6.6,10,11/0.4 | 15400 | 64600 | 0.5 | 9.0 |
แรงดันไฟฟ้า\ รวมกัน\(KV\) | 16000 | SC10-20000 | 18900 | 76000 | 0.5 | 9.0 |
ในทางกลับกัน หม้อแปลงที่แช่น้ำมันจะใช้น้ำมันเป็นตัวกลางในการทำความเย็นเพื่อกระจายความร้อน ช่วยให้สามารถรองรับโหลดที่สูงขึ้นและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าหม้อแปลงชนิดแห้ง อย่างไรก็ตาม หม้อแปลงจุ่มน้ำมันไม่เหมาะสำหรับการติดตั้งภายในอาคาร เนื่องจากน้ำมันรั่วอาจเป็นอันตรายต่อความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังต้องมีการบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำมันสะอาดและปราศจากสิ่งปนเปื้อน | 20000 | 6,6.3,6.6,10,11/0.4 | 22400 | 85500 | 0.4 | 10.0 |
หนึ่งในความแตกต่างที่สำคัญระหว่างหม้อแปลงชนิดแห้งและหม้อแปลงแช่น้ำมันคือระบบฉนวน หม้อแปลงชนิดแห้งใช้วัสดุฉนวนแข็ง เช่น อีพอกซีเรซิน หรือเรซินหล่อ เพื่อเป็นฉนวนกับขดลวด ทำให้ทนทานต่อความชื้นและสิ่งปนเปื้อนมากขึ้น ทำให้เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ในทางกลับกัน หม้อแปลงแช่น้ำมันใช้ฉนวนของเหลวในรูปของน้ำมันแร่หรือน้ำมันสังเคราะห์ แม้ว่าน้ำมันจะมีคุณสมบัติเป็นฉนวนที่ดีกว่า แต่ก็ยังต้องมีการทดสอบและการบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพ
ข้อแตกต่างที่สำคัญอีกประการระหว่างหม้อแปลงชนิดแห้งและหม้อแปลงจุ่มน้ำมันคือขนาดและน้ำหนัก โดยทั่วไปแล้วหม้อแปลงชนิดแห้งจะมีขนาดเล็กและเบากว่าหม้อแปลงแบบจุ่มน้ำมัน ทำให้ง่ายต่อการขนส่งและติดตั้ง ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการใช้งานที่มีพื้นที่จำกัดหรือมีการจำกัดน้ำหนัก ในทางกลับกัน หม้อแปลงแช่น้ำมันมีขนาดใหญ่กว่าและหนักกว่า เนื่องจากมีถังเติมน้ำมันที่จำเป็นสำหรับการทำความเย็น ทำให้เหมาะสำหรับการติดตั้งกลางแจ้งที่ไม่มีพื้นที่จำกัด
ในแง่ของต้นทุน โดยทั่วไปแล้วหม้อแปลงชนิดแห้งจะมีราคาแพงกว่าหม้อแปลงแบบจุ่มน้ำมัน เนื่องจากต้นทุนวัสดุที่ใช้ในระบบฉนวนและกระบวนการผลิตสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การประหยัดต้นทุนการบำรุงรักษาและการดำเนินงานในระยะยาวทำให้หม้อแปลงชนิดแห้งเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการใช้งานหลายประเภท หม้อแปลงจุ่มน้ำมัน แม้ว่าในตอนแรกจะมีราคาถูกกว่า แต่ต้องมีการบำรุงรักษาและการทดสอบน้ำมันเป็นประจำ ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการเป็นเจ้าของโดยรวมเพิ่มขึ้น
โดยสรุป หม้อแปลงทั้งแบบแห้งและแบบจุ่มน้ำมันต่างก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป ทางเลือกระหว่างทั้งสองประเภทขึ้นอยู่กับข้อกำหนดเฉพาะของการใช้งาน เช่น ข้อจำกัดด้านพื้นที่ ข้อควรพิจารณาด้านความปลอดภัย และข้อจำกัดด้านงบประมาณ สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าหรือซัพพลายเออร์ที่มีชื่อเสียงเพื่อกำหนดประเภทหม้อแปลงที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการของคุณ
One of the main differences between dry type and oil immersed Transformers is their insulation systems. Dry type transformers use solid insulation materials, such as epoxy resin or cast resin, to insulate the windings. This makes them more resistant to moisture and contaminants, making them suitable for harsh environments. Oil immersed transformers, on the other hand, use liquid insulation in the form of mineral oil or synthetic oil. While oil provides better insulation properties, it also requires regular testing and maintenance to ensure its effectiveness.
Another key difference between dry type and oil immersed transformers is their size and weight. Dry type transformers are typically smaller and lighter than oil immersed transformers, making them easier to transport and install. This makes them a popular choice for applications where space is limited or weight restrictions apply. Oil immersed transformers, on the other hand, are larger and heavier due to the oil-filled tank required for cooling. This makes them more suitable for outdoor installations where space is not a constraint.
In terms of cost, dry type transformers are generally more expensive than oil immersed transformers. This is due to the higher cost of materials used in the insulation system and the manufacturing process. However, the long-term savings in maintenance and operational costs make dry type transformers a cost-effective option for many applications. Oil immersed transformers, while initially cheaper, require regular maintenance and oil testing, which can add to the overall cost of ownership.
In conclusion, both dry type and oil immersed transformers have their own set of advantages and disadvantages. The choice between the two types depends on the specific requirements of the application, such as space constraints, Safety considerations, and budget constraints. It is important to consult with a reputable transformer manufacturer or supplier to determine the best type of transformer for your needs.